วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ข้อควรปฎิบัติสำหรับผู้ถูกล่วงละเมิด

ปัจจุบันนี้(2551)การข่มขืน การล่วงละเมิดบังคับขู่เข็ญทางเพศในสตรีที่ไม่พร้อม เป็นความโหดร้ายทารุณจิตใจมากที่สุด โดยฝ่ายกระทำไม่คำนึงถึงจิตใจ ศักดิ์ศรี และเกียรติ อนาคต ผลที่ตามมาซึ่งส่วนใหญ่แล้วสตรีต้องแบกรับปัญหาทั้งหมดไว้เพียงคนเดียว มันไม่ยุติธรรมเลยที่สตรีเป็นฝ่ายถูกกระทำ ดังนั้นการแก้ไขปัญหาการถูกล่วงละเมิดทางเพศ
1.ข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้ถูกล่วงละเมิดทางเพศกรณีถูกข่มขืน ควรรีบไปให้แพทย์ตรวจร่างกายอย่างเร่งด่วนภายใน 24 ชั่วโมงไม่ควรอาบน้ำหรือชำระล้างร่างกายหรือทำประการใดๆที่อาจทำให้สภาพที่เป็นอยู่เปลี่ยนแปลงไปหลังจากที่ได้ถูกกระทำ เพื่อให้สามารถเก็บหลักฐานได้ชัดเจน ครบถ้วน การตรวจร่างกายอย่างเร่งด่วนไม่ว่าตัดสินใจจะดำเนินคดีหรือไม่ จะเป็นผลดีในแง่การป้องกันการติดโรคจากเพศสัมพันธ์ ป้องกันการตั้งครรภ์ ซึ่งสามารถทำได้ดีภายใน 48 ชั่วโมง และเมื่อตัดสินใจที่จะแจ้งความร้องทุกข์เมื่อใด พยานหลักฐานทางการแพทย์ เหล่านี้จะเป็นประโยชน์ว่าถูกละเมิดทางเพศจริง เพราะการดำเนินคดีการละเมิดทางเพศในไทย ให้ความสำคัญกับผลการตรวจ ร่างกายของแพทย์
1)หลีกเลี่ยงการอยู่คนเดียวตามลำพัง เพราะอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่เป็น ผลร้ายกับตนเอง เช่น พยายามฆ่าตัวตาย
2)ให้กำลังใจตนเอง ไม่ควรลงโทษตนเอง ไม่มีผู้ใดต้องการถูกข่มขืน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึง ไม่ใช่ความผิดของตนเอง !! แต่เป็นความผิดของชายที่มากระทำต่างหาก รำลึกอยู่เสมอว่าคุณค่า อนาคต ความสามารถของเรามิได้สูญเสียไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
3)หาบุคคลที่ไว้ใจ เช่น พ่อแม่ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อร่วมกันคิดแก้ไขปัญหาหรือแจ้งความนำคนผิดมาลงโทษ
4)ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือกำนันผู้ใหญ่บ้านก็ได้เพราะตามกฎหมายถือเป็น เจ้าพนักงานเช่นกัน เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง ทั้งนี้ให้แจ้งความในทันทีที่สามารถจะทำได้ ในท้องที่ที่เป็นสถานที่เกิดเหตุ
5)ตั้งสติและพิจารณาว่ามีผู้ใดที่จะเป็นพยานในเหตุการณ์นั้น พยายามจดจำเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นให้ได้ เพื่อเป็นประโยชน์ในการให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือในศาล
เรียบเรียงโดย อ.ศราวุธ วรรณวงศ์ (นิค)
บ้านเด็กฟ้าเมืองไทย
โทร 085-2901324

วิกฤตเด็กไทย... ไปไกลกว่าที่คิด

ความสับสนของผู้คนนอกจากเรื่องกิเลศตัณหากับนักการเมืองพันธุ์แสวงหาอำนาจที่น่าสงสาร สิ่งที่เป็นดั่งนิยายปรัมปราเหมือนผู้ใหญ่ผูกให้ดูแบบรันทดใจ หามีแนวทางแก้ไขเยียวยาไม่? นั่นคือ "วิกฤตปัญหาเด็กไทย" นอกจากจะเป็นอาชญากรตัวน้อยที่โหดร้ายขาดสำนึก เอื้ออาทรสมวัย กรณีลูกหมอตัดสินใจสาดน้ำร้อนกับเพื่อนเด็กไทยที่ขัดใจนั้น เด็กอายุ 14 เดนนรก 6 คน เรียงคิวข่มขืน 2 รอบ แล้วมากดน้ำให้ตาย สังคมตะลึงพรึงเพริศกับความเลวร้ายดั่งผีดิบกลับชาติมาเกิด ทั้งปัญหาคนดีถูกทำร้าย ลามมาจนถึงปัญหาจิตเสื่อม ขนาดของสงวนที่อิตถีสตรีในโลกนี้จะยอมให้เห็นเป็นสิ่งสุดท้ายบนร่างกาย ยังพร้อมจะนำมาย้อมโชว์...แบบผู้ใหญ่ต้องร้องโอ้ว... เกิดมาตรฐานจริยธรรมขั้นต่ำ ของมนุษย์แล้ว เป็นไปได้เช่นใด? ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? ไม่ต้องอ้างทฤษฎีฝรั่งแบบวิชาการ ผู้เขียนตอบแบบนัก สังคมวิทยาได้เลยว่า "ครอบครัวแย่ สังคมโทรม เทคโนโลยี ล้ำเส้น" พาเด็กไทยเสื่อมทุกด้านจนไกลกว่าที่เราจะแก้ไขแล้วกระมัง ภาวะช็อคทางวัฒนธรรม ความรู้สึก พ่อแม่ปล่อยให้ลูกหลาน ก้าวร้าวรุนแรง ขาดสติยั้งคิด ผู้ใหญ่ไม่เป็นตัวอย่างที่ดี สุรา นารี คดโกง การแต่งกาย เด็กเลียนแบบล้ำเส้นกว่าผู้ใหญ่หลายก้าว มาตรฐานทางจริยธรรมในการดำเนินชีวิตที่ต่ำ ทั้งครอบครัว ธุรกิจ การเมือง การศึกษา การบริหารงาน เด็กซึมซับความไม่ละอายชั่วกลัวบาป เทคโนโลยีเกิดมากับความมีเล่ห์เหลี่ยมในมนุษยชาติ มาพร้อมความสับสน ติดกับดักอย่างไม่ลืมหูลืมตา ฮวน เอนริแก้ เขียนไว้ใน "As The Future Catch You" ว่า "อนาคตกำเราทุกคนไว้ในอุ้งมือแล้ว จงปล่อยให้มันจับ แต่อย่าหลับตา" เด็กไทย ถูกมันจับพร้อมหลับตาพริ้ม ยอมสยบตามมันอย่างหลงใหล อยู่กับมือถือ หน้าจอคอมพิวเตอร์ ไปกับโลกไซเบอร์อย่างน่าเวทนา ที่เป็นปัญหาคือ อยู่กับมันกับเรื่องไร้สาระ กัดกร่อนจริยธรรมขั้นต่ำ พร้อมประหารชีวิตมนุษย์ทางจิตวิญญาณด้วยเกมออนไลน์หฤโหด ผู้เขียนมองสังคมอย่างเข้าใจในฐานะนักสังคมวิทยาเด็กไทยดีๆ สมองเลิศ จริยธรรมสูงมากมาย ขออนุโมทนาสาธุกับครอบครัว แต่ปัญหาที่แรงและน่ากลัว อันเป็นปรากฏการณ์ที่กำราบและปรับวิถีได้ แต่น่าเสียดายที่ตลอดครึ่งทศวรรษที่ผู้เขียนเสนอมุมมอง แนวคิด ผู้ใหญ่ทำงานแบบผักชีโรยหน้า ขับเคลื่อน แก้ปัญหาแบบวัวหายล้อมคอก ปล่อย ปละ ละ เลยไม่ขับเคลื่อนปัญหาแบบมหภาคที่น่าจะเป็น หรือถึงเวลาที่สนิมเนื้อกัดกินเนื้อตนเองแล้ว ผู้เขียนเสนอทางออกที่รัฐบาลไทย จะเป็นกระทรวง ทบวง กรมใดที่ต้องเป็นเจ้าภาพขับเคลื่อน 4 เรื่องอย่างเร็วและแรง 1.ออกกฎหมายครอบครัว การแบ่งเวลาประกาศวันอาทิตย์เป็นวันครอบครัว การจัดการกับพ่อแม่ที่ไม่อบรมสั่งสอนลูก รังแกสังคม (เฉพาะเยาวชน) จะอบรม ปรับนักกฎหมาย นักสังคม ต้องมาคุยกันให้เป็นระบบ ประเภท บ้าทำลูก บ้าหาเงิน แต่ไม่บ้าเลี้ยงลูก เลิกเถอะครับ 2.มาตรฐานด้านหลักสูตรการศึกษาทางสังคมผ่านจริยศาสตร์ เอื้ออาทร กาละเทศะ การศึกษาทุกระดับต้องปรับตัวเร็วและแรงอาจต้องประกาศวาระแห่งชาติกระทรวงศึกษาธิการ ขับเคลื่อนให้เน้นมุมด้านจริยธรรม คุณธรรม หลักการดำรงตนเอื้ออาทร เศรษฐกิจพอเพียง พัฒนายั่งยืน สื่อสังคมทุกด้านต้องกำราบความชั่วให้กลัวความดี 3.รื้อระบบสื่อออนไลน์ ระดมกูรูผู้ดูกฎหมายควบคุมสื่อสารสนเทศ ระดมเพื่อปกป้องปราม วางกฎระเบียบ ไม่ให้สื่อออนไลน์ที่มีความรุนแรง ลามก อุบาทว์ หลอกลวง เพิ่มมาตรการลงโทษ รวมทั้ง Clip VDO ลามกจกเปรต ต้องเข้มงวด กวดขัน เอาจริง เอาจังอย่างชัดเจน 4.สร้างจิตสำนึก มโนธรรมกับผู้ประกอบการแหล่งเสื่อม โทรม ผับ บาร์ ตามซอกมุมสังคมกวดขันเรื่องจัดระเบียบสังคม สาปแช่งกลุ่มพ่อค้าทำกิจการหลอกกิเลสเด็ก มอมเมาจนลูกหลานชาวบ้านย่อยยับ จำกัดพื้นที่ มอมเมาเด็กไทย วิกฤตเด็กไทย หากทุกภาคส่วนสังคมไม่ขับเคลื่อนเร็ว และแรง คาดว่าจะระบาดหนักจนเกินล้ำ จะเยียวยา ยามที่เศรษฐกิจดี สังคมมีปัญหา พัฒนาจะไม่ยั่งยืน ทุกคนต้องร่วมด้วยช่วยกัน พูดไป บ่นไป เกิดเรื่องครั้งใด ผู้ใหญ่ ผู้เล็ก เริ่มล้อมคอกต้อง ตั้งคำถามกับผู้มีหน้าที่ดูแลจะประชุมพูดคุยขับเคลื่อน เช่นใด? ส่วนคนไทยที่พ้นวัยเด็กต้องตื่นตัว ตระหนักคิด เป็นหูเป็นตาสอดส่องหาช่องทางช่วยรัฐ ผู้ปกครองปรามเบื้องต้น สังคมช่วย ผู้บังคับกฎหมายต้องใช้ให้เหมาะสม ผู้เขียนวิงวอนปัญหาเด็กไทย ไปไกลทั้งบทโหด โรคจิต ขนาดย้อมขนในที่ลับ แล้วผู้ใหญ่ทุกระดับ จะนั่งหายใจรอให้เด็กไทยกลุ่มนี้เป็นผู้ใหญ่ที่บิดเบี้ยวหรือ
ข้อมูลอ้างอิง:
มติชนรายวัน หน้า 9 - วันที่ 06 ตุลาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10801
ชลวิทย์ เจียรจิตต์ ภาควิชาสังคมวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
**พบเห็นเด็กชาย/หญิง ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงมีเพศสัมพันธก่อนวัยอันควร ติดเกมส์ หนีออกจากบ้าน ไม่อยากเรียนหนังสือ
โปรดติดต่อด่วน ศูนยประสานงานบ้านเด็กฟ้าเมืองไทย จังหวัดสุพรณบุรี โทร 085-2901324